
เชื่อว่าหลายๆท่าน เมื่อได้ฟังประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้นมักเล่าถึงความกล้าและบ้าบิ่นในการทำธุรกิจของตนเอง รวมไปถึงอุดมการณ์ที่มีต่อธุรกิจอย่างแรงกล้า
แต่นั่นก็คือสิ่งที่คนสำเร็จได้มาเล่าให้เราฟัง อาจมีคนกล้าอีก 10 คนที่ล้มเหลว แต่เราไม่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้น ดังนั้นบางครั้งการที่เรามีความกล้า หรือความชอบต่อไอเดียธุรกิจที่มากไปอาจส่งผลทำให้เราเพิกเฉยต่อความเสี่ยงต่างๆที่มี และนำไปสู่ความล้มเหลวได้
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ที่ความคิดของเราเริ่มอันตราย? มาดู 3 สัญญาง่ายๆ ที่จะช่วยบอกคุณผู้อ่านว่าได้เตือนตัวเองว่า ไอเดียธุรกิจนั้นๆจะไปรอดหรือไม่?
ธุรกิจที่มีคนแห่ไปทำเป็นจำนวนมาก
หลายต่อหลายครั้งที่เรามีธุรกิจที่อยากทำอยู่ในใจ แต่ก็ต้องพบว่ามีคนเป็นจำนวนมากได้เข้าไปจับจองตลาดจนหมดแล้ว ในบางมุมก็เป็นเรื่องดีเพราะอาจหมายถึงว่าตลาดมีขนาดใหญ่ และมีปริมาณความต้องการเยอะแน่นอน
แต่จะเกิดอะไรขึ้น? หากการแข่งขันสูงเกินกว่าความต้องการของผู้ซื้อหรือเราจะเรียกว่า “คนขายเยอะกว่าคนซื้อ” แน่นอนว่าการที่จะไปทำแข่งคงไม่ไช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนครับ
เพราะฉะนั้นหากเราไม่มีความพร้อมกว้า เช่น คุณภาพ ต้นทุน หรือคอนเนคชั่นที่ดีกว่าก็ควรพิจารณาให้ดีก่อนกระโดดเข้าไปทำธุรกิจเหล่านี้ แต่หากว่ามั่นใจว่ามีไพ่เด็ดหมอบอยู่ ก็อาจทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีได้อย่างรวดเร็ว
คุณไม่มีอุดมการณ์และความชอบที่มากพอ
สำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่นั้น ความชอบที่แรงกล้าจะเป็นตัวการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างดีเยี่ยม ในทางกลับกันธุรกิจที่คุณรู้ตัวว่าได้สูญเสียความชอบไปแล้วหรือไม่อยากทำ แม้จะมีโอกาสทำกำไรได้แต่สุดท้ายก็อาจจะไม่ได้ผลที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะฉะนั้นควรเลือกธุรกิจที่สมดุลทั้งความชอบของเรา และโอกาสเติบโตในตลาดได้จะดีกว่า
ตลาดยังไม่มีความต้องการสินค้าและบริการของคุณ
หลายต่อหลายคนเมื่อเริ่มทำธุรกิจก็มักจะแสวงหา “ความแปลกใหม่” เพราะเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ขายได้ แต่หลายๆครั้งเจ้าความแปลกใหม่เนี่ยแหละครับที่เป็นตัวทำให้ธุรกิจล้มเหลว…
เพราะบางครั้งสิ่งใหม่ๆที่เรายังไม่มี อาจเป็นสิ่งที่ตลาดยังไม่ต้องการนั่นเอง ดังนั้นอาจจะเรียกได้ว่าการเป็นการเสี่ยงดวงอยู่มากที่จะเริ่มธุรกิจที่สร้างสรรค์จนเกินไป
เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจที่ไม่เหมือนใครนั้นก็จำเป็นต้องดูทิศทางตลาดอยู่บ้าง เช่นหากคุณผู้อ่านอยากทำร้านขนมหวาน ก็อาจจะดูว่าตลาดกำลังไปในทิศทางไหน?
เช่น หากนำขนมหวานที่เน้นสุขภาพเช่นธัญพืชเข้ามา ก็อาจจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าขนมหวานที่มีไขมันสูง ยกตัวอย่าง การผนวกเทรนด์สินค้ากับอาหารสุขภาพที่โดนใจตลาดก็คือเหล่าสินค้ากราโนล่าที่ขายดีตอนนี้นั่นเอง สำหรับใครที่สนใจเทรนด์ธุรกิจใหม่ๆ สามารถศึกษาเพิ่มได้ที่บทความ 3 เทรนด์มาแรงที่เจ้าของกิจการควรรู้