ขายซูชิเป็นอาชีพเสริม รวยด้วยอาหารญี่ปุ่นทานง่าย ไม่ตกเทรนด์

ซูชิเป็นอาหารที่พึ่งพาความสดอย่างมาก ดังนั้นคุณภาพและความสดของวัตถุดิบคือตัวชี้เป็นชี้ตาย หากลูกค้ากินเข้าไปจะรู้ได้ทันทีถึงความสด หรือรสชาติ เพราะวัตถุดิบไม่ดีจะมีกลิ่นคาว หืน เนื้อปลาเละ ถ้ามีครั้งเดียวลูกค้าอาจไม่กลับมาอีกเลย นอกจากนั้นต้องระวังเรื่องของวัตถุดิบซูชิหลายชนิดที่เสียง่าย ตั้งแต่เนื้อปลา ไปจนถึงซอสมายองเนส ควรเก็บรักษาในอุณภูมิที่เหมาะสมอยู่เสมอ

คิดจะขายซูชิเป็นอาชีพเสริม ต้องทำซูชิขนาดพอดีคำ ไม่เล็กเกินไม่ใหญ่เกิน ปริมาณข้าวควรสัมพันธ์กับหน้า อย่าให้ข้าวเยอะเกินไปเด็ดขาด การให้หน้าล้น หรือหน้าเยอะกว่าร้านอื่นก็จะเป็นจุดเด่นที่ทำให้คุณขายดีได้ไม่ยาก

มีหลากหลายหน้าให้เลือกสรร เพิ่มความน่าซื้อ และตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ชอบต่างกัน บางคนกินดิบ บางคนกินสุก ควรมีหน้าสำหรับเด็กๆจะช่วยได้เยอะ อย่ายืดตามต้นฉบับญี่ปุ่นไปเสมอ เพราะเมื่อเราขายคนไทย บางครั้งก็ต้องยอมปรับตัว เอาใจลูกค้าบ้าง

ความอร่อยไม่ได้อยู่ที่หน้าอย่างเดียว ข้าวแตก ร่วน แข็งโป๊ก รับรองว่าลูกค้าจะไม่เหยียบร้านอีก ข้าวซูชิที่ดีต้องชุ่มชื้น หวานอมเปรี้ยว ละลายแตกออกเมื่อเข้าปาก

ซอสสามารถช่วยได้เยอะ เพื่อเสริมรสชาติวัตถุดิบ แน่นอนว่าการขายซูชิเป็นอาชีพเสริมเราไม่สามารถใช้วัตถุดิบที่แพงที่สุดเหมือนร้านเฉพาะทางที่หรูหราได้ ดังนั้นการใช้ซอสที่มีรสชาติเข้มข้นจะสามารถช่วยยกระดับรสชาติขึ้นมา อาจเป็นซอสหวาน ซอสมายองเนส หรือจะเป็นซอสแนวสไปซี่ชีส มิโซะ จะเอาเกร็ดเทมปุระเสริมก็ไม่เลว

ขายซูชิเป็นอาชีพเสริมที่ไหนดี?

เนื่องจากเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ควรเลือกตลาดหรือทำเลขายที่การันตีว่ามีกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้เดินแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น บริเวณใกล้มหาลัย โรงเรียน หมูบ้านต่างๆ มีเด็กๆด้วยจะยิ่งขายง่าย

หรือหากสะดวกจะทำเป็นแนวเดลิเวอร์รี่ รับส่ง-จัดเลี้ยงก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถลดความเสี่ยงได้ โดยการเริ่มทำเมื่อมีออเดอร์ ไม่จำเป็นต้องสต็อควัตถุดิบเยอะทำให้ไม่เน่าเสีย ปัจจุบันมีผู้ให้บริการขนส่งรายย่อยมากมาย ทำให้ธุรกิจอาหารเดลิเวอร์รี่เติบโตได้ง่ายขึ้นมาก

อุปกรณ์สำหรับเริ่มอาชีพเสริมขายซูชิ

1. แผ่นไม้สำหรับการม้วนหรือโรลซูชิต่างๆ
2. พลาสติกรองระหว่างแผ่นไม้ไผ่และซูชิ
3. กล่องบรรจุซูชิ ถ้วยใส่เครื่องจิ้ม ไม้จิ้มหรือส้อมพลาสติกขนาดเล็ก
4. สาหร่าย สำหรับห่อซูชิบางหน้า
5. ข้าวญี่ปุ่น ปัจจุบันมีขายในซูเปอร์ทุกแห่ง รวมถึงแม็กโคร
6. วัตถุดิบสำหรับทำหน้า สาหร่าย ปูอัด ไข่กุ้ง ปลาดิบ มีร้านขายสั่งจัดจำหน่ายหลายราย แนะนำให้หาที่ราคาไม่แพง ขั้นต่ำน้อย และอยู่ใกล้ที่จัดขาย
7. ผักที่ใส่ เช่น แตงกวา อะโวคะโด และขิงดองฝอยที่จัดเป็นเครื่องเคียง รับประทานคู่กัน
8. โชยุ และวาซาบิซอง
9. ถุงมือสำหรับทำอาหาร อย่าละเลยความสะอาด

วิธีทำซูชิ (คร่าวๆ)

1. หุงข้าวญี่ปุ่น โดยแต่งรสด้วยน้ำตาลและน้ำส้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว อย่ารสจัดเกินจะทำให้กลบรสปลา ใส่น้ำให้พอดี ต้องออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง
2. วางแผ่นสาหร่ายลงบนแผ่นไม้ไผ่ที่ปูพลาสติกรองกันเปื้อนและกันติดเอาไว้แล้ว
3. แผ่ข้าวญี่ปุ่นลงบนสาหร่าย ไม่ต้องหนามากเดี๋ยวซูชิจะก้อนใหญ่เกินไป
4. ใส่ผักที่ต้องการลงไป เช่น แตงกวา อะโวคาโด แครอทหรือผักอื่นในลักษณะเดียวกันที่ต้องการ หั่นชิ้นยาวเล็ก
5. ม้วนเป็นโรลกลมๆ อย่าแน่นเกินไป อย่าหลวมเกินไป
6. หั่นเป็นชิ้นพอคำ ประมาณ 6 ชิ้น
7. แต่งหน้าซูชิตามต้องการด้วยวัตถุดิบที่เตรียมไว้
8. จัดใส่กล่องสวยงาม มีขิงเคียงไว้รับประทานคู่กัน

นี่ก็เป็นการทำโรลง่ายๆ ถ้าเป็นหน้าอื่นๆที่ไม่ต้องห่อสาหร่าย จะต้องฝึกการแล่ปลาให้พอดีหน้า และปั้นข้าวให้สวยพอดีคำด้วย สำหรับการขายเพื่อลูกค้ารับประทานเลย ต้องมีไม้จิ้ม และเครื่องจิ้มที่จัดเป็นถ้วยพลาสติกเล็กๆ จะสะดวกกว่าการใส่ถุง

สรุปอาชีพเสริมขายอาหารซูชิ

ค่านิยมกินอาหารญี่ปุ่นที่เป็นอาหารที่นอกจากขายความอร่อยแล้วยังเรื่องรสนิยม ศิลปะการทำที่เพิ่มค่าให้อาหาร เป็นอาหารรับประทานง่ายและอิ่มท้องเนื่องจากมีส่วนของข้าว

คนไทยชอบปลาดิบ ชอบแซลมอนเป็นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นหากทำรสชาติใช้ได้ ไม่น่าเกลียด ตั้งราคาได้ดี เลือกตลาดคนรุ่นใหม่ ขายได้แน่นอน เป็นอาหารที่บ่งบอกรสนิยมความชอบอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เสิร์ฟถึงที่ทำงาน ขายหน้าสถานศึกษาหรือถ้าประมูลร้าน แผงในสถานศึกษาได้ หรือขายส่งได้ ทำกำไรได้มากแน่นอน นี่คืออีกหนึ่งอาชีพเสริมที่น่าสนใจ